โรนัลโด สำแดงเดชกดแฮตทริก นำม้าลายพลิกแซงตราหมีเข้ารอบแชมเปียนส์ ลีก

โรนัลโด แผลงฤทธิ์ทำแฮตทริกแรกในการเล่นกับยูเวนตุส ช่วยให้ต้นสังกัดไล่ถล่มแอตเลติโก มาดริด พร้อมพลิกผ่านเข้ารอบยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แบบสุดยอด


การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง เมื่อวันที่ 12 มีนาคม “ม้าลาย”ยูเวนตุส จากอิตาลี เปิดสนามอัลลิอันซ์ สเตเดียม รับการมาเยือนของ “ตราหมี”แอตเลติโก มาดริด จากสเปน โดยนัดแรกแอตฯมาดริดชนะมาก่อน 2-0
นัดนี้เจ้าถิ่นส่ง มาริโอ มานด์ชูคิช อดีตเด็กเก่าแอตฯมาดริด ลงเล่นพร้อมกับ คริสเตียโน โรนัลโด, เฟเดริโก แบร์นาร์เดสคี ส่วนทีมเยือนมี อัลบาโร โมราตา อดีตแข้งยูเวนตุส ผนึกกำลังร่วมกับ อ็องตวน กรีซมันน์, โกเก
เริ่มเกมมา 4 นาที ยูเวนตุสเปิดเตะมุมเข้าเขตโทษแล้วขลุกขลิกกันโดนตัว เลโอนาร์โด โบนุชชี กระดอนมาทาง ยาน โอบลาก ล้มตัวรับจังหวะเดียวกับที่ คริสเตียโน โรนัลโดเข้าไปชาร์จ ปะทะกันแล้วบอลกระฉอกมาที่ จอร์โจ คิเอลลินี ยิงตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินเป่าฟาวล์โรนัลโดก่อน
นาที 27 กองเชียร์เจ้าถิ่นเฮลั่นสนาม เฟเดริโก แบร์นาร์เดสคี พาบอลควบมาทางหน้าเขตโทษด้านซ้าย ก่อนเปิดไปเสาสองให้ คริสเตียโน โรนัลโดขึ้นโขกเหนือกองหลังตุงตาข่าย ยูเวนตุสนำ 1-0
นาที 45 ยูเวนตุสเกือบเจ๊าสกอร์รวม จากลูกเตะมุมฝั่งขวา มิราเลม ปานิช เปิดเข้ามาให้ จอร์โจ คิเอลลินี ขึ้นโขกทำท่าจะเสียบใต้คาน ยาน โอบลาก ยังไวกระโดดปัดทิ้งได้ จบครึ่งแรก “ม้าลาย” ยังนำอยู่ 1-0
ครึ่งหลังนาที 48 เชา คันเซโร เปิดจากฝั่งขวาเข้ามาหน้าประตู คริสเตียโน โรนัลโดขึ้นโขกตรงกรอบแล้วถูก ยาน โอบลาก พุ่งปัดออกมา แต่ผู้ตัดสินได้รับสัญญาณโกลไลน์ว่าบอลผ่านเส้นเข้าไปเต็มใบแล้ว จึงเป่าให้ประตูแก่เจ้าถิ่น สกอร์จึงขยับเป็น 2-0 และผลรวมเสมอกันแล้ว
นาที 84 เฟเดริโก แบร์นาร์เดสคี ห้อตะบึงจากครึ่งสนามมาทางฝั่งซ้ายจนถึงเขตโทษแล้วโดน อังเคล กอร์เรอา ตามมาเกี่ยวล้ม ผู้ตัดสินจึงให้จุดโทษยูเวนตุส คริสเตียโน โรนัลโดรับหน้าที่สังหารเข้าไป เจ้าถิ่นนำห่าง 3-0 เป็นแฮตทริกแรกของโรนัลโดกับสโมสรแห่งนี้ด้วย
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นอีก จบเกมยูเวนตุสเป็นฝ่ายไล่ถล่ม 3-0 พลิกเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-2 แบบเหลือเชื่อ
ส่วนอีกคู่ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากอังกฤษ ไล่ถล่ม “ราชันสีน้ำเงิน”ชาลเก จากเยอรมนี 7-0 ทำให้แมนฯซิตี้เข้ารอบด้วยผลรวม 10-2
โดยเจ้าถิ่นได้จาก เซร์คิโอ อเกโร นาที 35(จุดโทษ) และ 38, เลอรอย ซาเน นาที 43, ราฮีม สเตอร์ลิง นาที 56, แบร์นาร์โด ซิลวา นาที 71, ฟิล โฟเดน นาที 78, กาเบรียล เชซุส นาที 84

อ่านต่อไปที่ >> https://www.charmbraceletaustralia.com/%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B8%9F%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94/

Comments